
Moving Average Type ควรจะใช้เส้นค่าถัวเฉลี่ยแบบไหนดี ?
เส้นค่าถัวเฉลี่ยที่พวกเราชอบได้ยินกันเสมอๆจะมีอยู่ 2 จำพวกเป็นSimple Moving Average (SMA) และก็ Exponential Moving Average (EMA) เพื่อเฉลยที่ค้างคาใจนักลงทุนมือใหม่ที่ว่า…พวกเราควรที่จะใช้เส้นค่าถัวเฉลี่ยแบบไหนดียิ่งกว่ากัน แล้วสองอย่างนี้แตกต่างเช่นไร ?
…การคำนวณเส้นแบบ SMA นั้น เป็นการคำนวณค่าแบบขวานผ่าซาก อย่างง่ายเป็น เอาราคาในสมัยก่อนมาหาค่าถัวเฉลี่ยโดยการหารปริมาณวันเลย ไม่มีทางรวมทั้งราคาไหนที่ให้น้ำหนักเด่นหรือมากยิ่งกว่ากัน ส่วนเส้น EMA นั้นจะเป็นการคำนวณรวมทั้งให้น้ำหนักกับวันปัจจุบันมากยิ่งกว่า เส้นค่าถัวเฉลี่ยก็เลยสนองตอบการเคลื่อนไหวต่อความเคลื่อนไหวของราคาได้เร็วกว่า!!
Moving Average Period ควรจะใช้กี่วันดี ?
มักพบปัญหานี้จากนักลงทุนเสมอๆว่า “เส้นค่าถัวเฉลี่ย Moving Average ใช้กี่วันดีที่สุด ?” พวกเราไม่สามารถที่จะฟันธงหรือตอบให้จัดการจบตรงประเด็นได้ว่าใช้กี่วันดีที่สุด เนื่องจากโน่นขึ้นกับความจำกัดของการลงทุนที่ไม่เหมือนกัน แม้กระนั้นวิธีการสำหรับในการเลือกใช้เส้นค่าถัวเฉลี่ยนั้น เส้นเหล่านี้สามารถที่จะช่วยอ่านแนวโน้มทั้งยังระยะสั้น กึ่งกลาง ยาว โดยเหตุนั้นพวกเราก็เลยมีเหตุมีผลสำหรับในการแบ่งเส้นค่าถัวเฉลี่ยเป็น 3 กรุ๊ป ดังต่อไปนี้…
1. เส้นระยะสั้น เส้นแนวโน้มที่นิยมใช้ 5-10 วัน ซึ่งจะช่วยบอกความเคลื่อนไหวของแนวโน้มแบบระยะสั้นมากมายๆเหมาะสมกับผู้ที่มีเวลาเฝ้าจอ อย่างนักลงทุนแบบ Day Trade …ถ้าหากเร็วไปบางทีอาจใช้ช้าลงหน่อยเป็น 20 หรือ 25 วัน ช่วยลดความเปลี่ยนแปลงและก็มองเห็นแนวโน้มกระจ่างแจ้งขึ้น
2. เส้นระยะกึ่งกลาง เส้นแนวโน้มหลักในรูปภาพที่กว้างขึ้น เหมาะสมกับผู้ที่ไม่ว่างมองหน้าจอตลอดวัน อย่างนักลงทุนแบบ Trend Follower เส้นที่นิยมที่สุดเป็น50 วัน และก็ตามด้วย 75 แล้วก็ 100 วัน
3. เส้นระยะยาว เป็นเส้นแสดงแนวโน้มการเคลื่อนไหวรอบใหญ่หลักปี บอกสภาพการณ์ของแนวโน้มขาขึ้นรวมทั้งขาลงอปิ้งแจ่มกระจ่าง เส้นที่นิยมใช้สูงที่สุดเป็น200 วัน
การหา Trend ด้วย Moving Average
ตอนที่พวกเราเปิดแผนภูมิขึ้นมา พวกเราจะไม่อาจจะมองดูด้วยตาเปล่าและก็ตอบฟันธงได้ในทันทีว่าหุ้นนี้จะขึ้นต่อ หรือลงต่อ แนวโน้มคืออะไร ? นี่เป็นคำตอบที่เส้นค่าถัวเฉลี่ยช่วยได้ สภาพการณ์ไม่มีแนวโน้ม ที่เรียกว่า Sideway ราคาจะวิ่งออกข้างๆ จุดพิจารณาเส้นค่าถัวเฉลี่ยจะวิ่งเป็นแถวนอน ส่วนในสภาพการณ์ที่มีลัษณะทิศทางเกิดขึ้น เส้นค่าถัวเฉลี่ยจะเคลื่อนด้วยความชัน ยิ่งแนวโน้มแจ่มแจ้งมากแค่ไหน องศาก็จะชันมากเพิ่มขึ้น!!
แนวทางการเคลื่อนไหวของแนวโน้ม
การดูราคาเพียงอย่างเดียวนั้นบางทีอาจถูกหลอกได้ง่าย หนึ่งในจุดเด่นของการใช้เส้นค่าถัวเฉลี่ยเป็นตัวช่วยสำหรับการตัดสิ่งรบกวน เห็นภาพชัด มองเห็นแนวทางเยอะขึ้นเรื่อยๆ …จุดนี้สามารถพิจารณาโดยการดูแนวทางของเส้นค่าถัวเฉลี่ย ถ้าเกิดเส้นชี้ขึ้น แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ถ้าเกิดเส้นทิ่มแทงลง แสดงถึงแนวโน้มขาลง… แต่ว่าในบางครั้งพวกเราจำเป็นต้องมองการเคลื่อนไหวของราคาประกอบกับเส้นค่าถัวเฉลี่ยด้วย
แนวรับ แล้วก็ แนวต้านทาน
Support and Resistance เส้นค่าถัวเฉลี่ยนั้นยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อีกหนึ่งอย่างหมายถึงเป็นวัสดุช่วยบอกแนวรับ แนวต้านทาน ในขาปรับราคาสูงขึ้นหุ้นถูกใจวิ่งกลับมาทดลองแนวรับเส้นค่าถัวเฉลี่ย หากรับอยู่ก็ได้โอกาสขึ้นต่อ… ส่วนในขาลงก็ตรงข้ามราคาหุ้นมักวิ่งทะยานขึ้นทดลองแนวต่อต้านเส้นค่าถัวเฉลี่ยก่อน ถ้าเกิดไม่ผ่านถึงค่อยลงต่อ เมื่อราคาวิ่งใกล้เข้าเส้นค่าถัวเฉลี่ยให้สังเกต เนื่องจากว่านี่เป็นจุดเด่นของความเคลื่อนไหวการกลับตัวของราคา… เส้นค่าถัวเฉลี่ยก็เลยใช้เป็นแผนการแล้วก็หาจุดเข้า–ออกได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเมื่อราคาทะลุเส้นค่าถัวเฉลี่ย (แนวต่อต้าน) หรือขายเพื่อ Stop loss ตอนราคาหลุดเส้น (แนวรับ)